วันนี้เรามีแพลนจะไปเที่ยว ยอดเขากลาเซียร์ 3000 เราเริ่มต้นกันที่สถานีรถไฟ Interlaken ost นั่งรถไฟสาย RE ไปที่ Zweisimmen เปลี่ยนมานั่งรถไฟสาย D ต่อไปยังสถานี Gstaad
เมื่อเรามาถึงสถานี Gstaad เราจะนั่งรถบัสสาย 180 ต่อไปยังหมู่บ้าน Col du Pillon
รถบัสจะมาเป็นเวลานะคะ บางคนมาถึงสถานีแล้วไม่เห็นรถบัสจอดอยู่ ไม่ต้องตกใจ รอสักแปปนึง...
ลงจากรถบัส เราก็นั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ยอดเขากลาเซียร์ 3000 โดยกระเช้านี้จะสามารถจุคนได้ถึง 125 คนเลยทีเดียว สำหรับการขึ้นเขาใช้สวิสพาสเป็นส่วนลดได้ 50% จะเหลือประมาณ 41 chf.
ยอดเขากลาเซียร์ 3000 (Glacier 3000) เป็นส่วนหนึ่งของภูเขากูดสตาร์ด (Gstaad Mountain) สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,000 เมตร เราสามารถท้าทายความสูงของสะพาน The Peak Walk by Tissot เป็นสะพานแขวนที่มีความยาว 107 เมตร ข้ามหน้าผาที่ระดับความสูง 3,000 เมตร ที่สามารถมองเห็นวิวยอดเขาของสวิสเซอร์แลนด์ ได้แก่ จุงเฟรา แมทเทอร์ฮอร์น และมองบลองก์ ได้อย่างชัดเจน
มีร้านอาหาร BOTTA ซึ่งออกแบบโดยมัณฑนากรชื่อดังชาวสวิสชื่อ Mario Botta อีกด้วย
อีกทั้งมีกิจกรรมมากมาย ให้เราได้สนุกสนานกัน ไม่ว่าจะเป็น Ice Express เป็นเก้าอี้นั่งชมวิว จากด้านบนร้านอาหารลงมายังลานสกี ขึ้นฟรี
เครื่องเล่น Alpine Coaster เป็นเครื่องเล่นที่สามารถเล่นได้ทั้งเด้กและผู้ใหญ่ โดยเครื่องเล่นนี้สามารถควบคุมความเร็วได้ด้วยการเบรคค่ะ ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สนุกสนานมาก ระหว่างที่เล่นเรายังสามารถมองวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบ
เปิดให้บริการ เดือนพฤษภาคม - เดือนตุลาคม ต้องจ่ายเพิ่มเที่ยวละ 9 CHF
รูป : https://www.glacier3000.ch/en
เต็มอิ่มกับยอดเขากลาเซียร์ 3000 กันไปแล้ว จากนั้นเราเดินทางลงจากยอดเขากลับมาเส้นทางเดิม...
จากสถานีรถไฟ Gstaad เราจะนั่งรถไฟสายโรแมนติก โกลเด้น พาส (Golden Pass Line) เป็นรถไฟสายชมวิวที่มีชื่อเสียงของสวิตเซอร์แลนด์ รถไฟสายนี้ใช้สวิสพาสขึ้นฟรีได้เลยค่ะ แต่ถ้าใครอยากมีที่นั่งที่แน่นอน แนะนำให้สำรองที่นั่งก่อนเดินทางค่ะ จะมีค่าสำรองที่นั่งเพิ่มเติม
รูป : http://www.goldenpass.ch/en
โดยตัวรถไฟนั้นจะเป็นกระจกรอบด้านให้เราสามารถมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกได้อย่างพาโนรามา ตลอดเส้นทางทัศนียภาพเหนือคำบรรยาย ชมวิวภูเขา ทุ่งหญ้า และบ้านเรือนสไตล์สวิสที่มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร โดยเราจะนั่งรถไฟสายนี้ไปยังสถานีรถไฟมองเทอรซ์ (Montreux) ใช้วลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง
เมืองมองเทรอซ์ (Montreux) เมืองตากอากาศริมทะเลสาบเลอมังค์หรือทะเลสาบเจนีวา ซึ่งจากสถานีรถไฟเราสามารถเดินเล่นชิว ชิว ริมทะเลสาบเจนีวาได้ โดยตรงริมทะเลสาบนั้นจะมีรูปปั้นเฟรดดี เมอร์คิวรี ( Freddie Mercury) นักร้องแห่งวงควีน (Queen) ตั้งอยู่ตรงจตุรัสตลาด โดยจะมีระเบียงรูปวงกลมยื่นออกไปกลางน้ำ ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นจุดพักผ่อนของชาวสวิสด้วย
ไปต่อกันที่ ปราสาทชิลยอง (Chateau de Chillon) โดยเราจะนั่งรถบัสสาย 201 ลงที่ป้าย Veytaux, chateau de Chillon ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 นาที เราจะเดินไปตามป้ายนี้เลยค่ะ ลงบันไดไปเรื่อยๆ และป้ายรถเมล์จะอยู่ฝั่งตรงข้ามค่ะ
ปราสาทชิลยอง (Chateau de Chillon) เป็นปราสาทเก่าแก่อายุกว่า 800 ปี สร้างบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวาที่สร้างขึ้นมาเพื่อคอยเก็บค่าผ่านทางของเรือที่ล่องผ่านทะเลสาปเจนีวา อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ทำให้ Lord Byron เกิดแรงบันดาลใจในการประพันธ์บทกวีโรแมนติกเรื่อง "The Prisoner of Chillon
เราสามารถเข้าชมปราสาทได้ฟรี ถ้ามีบัตรสวิสพาส ก่อนเข้าชมตัวปราสาทด้านใน ให้เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วก่อนนะคะ
ซึ่งด้านในตัวปราสาทนั้น จะประกอบไปด้วย ห้องโถงใหญ่ ห้องนอน ห้องใต้ดิน หอสวดมนต์ เป็นต้น สร้างในแบบกอธิค มีการเล่าขานกันว่าห้องใต้ดินแห่งนี้มีตำนานต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ห้องที่ดูลึกลับนั้นสามารถช่วยกระตุ้นจินตนาการของผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี โดยตำนานที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุด ก็คือการจำคุกของ Bonivard ซึ่งเป็นที่มาของบทกวีที่มีชื่อเสียง อย่าง "นักโทษแห่ง Chillon"
แต่ปัจจุบันนี้ปราสาทแห่งนี้ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม อีกทั้งยังจัดให้เป็นสถานีที่จัดงานเลี้ยงต่างๆอีกด้วย
หลังจากที่เราเข้าชมตัวปราสาทชิลยอง เรียบร้อยแล้ว เราก็จะเดินทางต่อไปที่เมืองเวเว่ย์ (Vevey)เราสามารถนั่งรถไฟจากสถานีมองเทรอซ์ สาย IR,S2.S3 ได้ ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาที
เมืองเวเว่ย์ (Vevey) เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักในรัฐโวด์ของสวิสฯ บนชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา เป็นเมืองในยุคกลาง เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของสวิสฯ และเป็นที่ตั้ง สำนักงานใหญ่ของบริษัทเนสต์เล่ ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอาหาร ด้วยภูมิประเทศที่สวย งามรายล้อมด้วยภูเขา และติดทะเลสาบเจนีวา ได้รับการขนานนาม “ไข่มุกแห่งริเวียร่าสวิส” (Pearls of the Swiss Riviera) ดินแดนที่เหมาะกับทุกฤดูกาล
ไฮไลท์ที่ต้องเช็คอินของเมืองนี้ นั่นคือ
รูปปั้น “ชาลี แชปปลิ้น” (Chaplin Statue) ศิลปินตลกแห่งฮอลลีวู้ด ซึ่งเคยพำนักและเสียชีวิตที่นี่ในช่วงบั้นปลายชีวิตพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์เมืองเวเว่ย์
ส้อมยักษ์ หน้าพิพิธภัณฑ์เนสท์เล่
ย่านเมืองเก่า เดินชมอาคารเก่าแก่ ร้านกาแฟกลางแจ้ง และร้านอาหารมากมายให้เลือกซื้อ หรือเดินเล่นตามแนวทะเลสาบ ชมความงดงามในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน แสนโรแมนติค
จบทริปอีก 1 วัน กับสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆในสวิตเซอร์แลนด์ เส้นทางนี้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ละฤดูกาลก็มีความสวยที่แตกต่างกันไป....