10199 จำนวนผู้เข้าชม |
สัมผัสเมืองมรดกโลก เชสกี้ ครุมลอฟ (Český Krumlov) เป็นเมืองทางตอนใต้ของสาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) ตั้งอยู่ริมสองฝั่งของแม่น้ำวัลตาวา (Vltava River) แม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านและล้อมรอบเมืองโค้งเป็นคุ้งน้ำไปตามเนินเขา ความโดดเด่นของเมืองคือย่านเขตเมืองเก่าที่มีอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลางกว่า 300 ปี ซึ่งเขตเมืองเก่านี้ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปีค.ศ. 1992 ค่ะ
นอกจากนี้เชสกี้ ครุมลอฟ ยังเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญ โดยเป็นสถานที่จัดเทศกาลและงานรื่นเริงต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทศกาลกุหลาบห้ากลีบ (Five-petalled Rose Festival) เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองในวันสุดสัปดาห์ในเดือนมิถุนายน ใใจกลางเมืองจะปิดการจราจรทั้งหมด และประดับตกแต่งเมืองทั้งเมืองให้เหมือนเมืองในยุคกลาง ซึ่งถือเป็นเทศกาลที่น่าสนใจมากๆค่ะ
ด้วยลักษณะของผังเมืองที่มีแม่น้ำโอบล้อมเมืองจึงทำให้ผังเมืองมีลักษณะคล้ายกับไข่มุก เมืองนี้จึงได้รับการขนานนามว่าเป็น "ไข่มุกงามแห่งโบฮีเมีย" และยังถือเป็นหนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดในยุโรปอีกด้วยนะคะ
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจของเมืองเชสกี้ ครุมลอฟ จะมีอะไรน่าเที่ยวบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ
ปราสาทเชสกี้ ครุมลอฟ (Český Krumlov Castle)
ปราสาทเชสกี้ ครุมลอฟ (Český Krumlov Castle) เป็นปราสาทกอธิคดั้งเดิม ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวาบนแหลมหิน ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขา Blansko Forest ถูกสร้างขึ้นโดยลอร์ดออฟครุมลอฟ เมื่อช่วงปีค.ศ. 1250 เขาเป็นหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังของ Witigonen โดยมีกุหลาบห้ากลีบอยู่ในเสื้อคลุมแขน ภายหลังจากเขาเสียชีวิต ปราสาทแห่งนี้ก็ถูกส่งต่อให้กับหลายๆตระกูลผู้มีอำนาจในการปกครองเรื่อยมา จนทำให้ปัจจุบันมีการผสมผสานสถาปัตยกรรมยุคเรอเนสซองส์ และบาโรกเพิ่มเติมด้วย
ชื่อของปราสาท Krumlov มีต้นกำเนิดมาจากภาษาละติน หมายถึงสถานที่บนทุ่งหญ้าที่ขรุขระ ปราสาทแห่งนี้ ได้รับการกล่าวถึงเป็นครั้งแรกโดย Ulrich of Lichtenstein แห่งอัศวินชาวออสเตรียในบทกวีของเขา "Der Frauendienst" ปราสาทเชสกี้ ครุมลอฟจึงถูกจัดอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในภูมิภาคยุโรปกลาง ที่ได้รับการอนุรักษ์ในรูปแบบเดิมไว้เป็นอย่างดีค่ะ
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องห้ามพลาดมาเที่ยวชมปราสาทแห่งนี้คือ หอคอย Zamecka Vez (Castel Tower) เป็นหอคอยทรงกลมที่สามารถมองเห็นได้จากทุกที่ในเมือง ด้านบนยังเป็นจุดชมวิวที่สามารถชมเมืองเชสกี้ ครุมลอฟได้แบบ 360 องศา ด้วยความที่ปราสาทแห่งนี้ยังคงความเก่าแก่ดั้งเดิมมาเป็นเวลานาน จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกในปีค.ศ. 1992 อีกด้วย
โบสถ์ เซนต์ วิตัส (Church of St. Vitus)
โบสถ์เซนต์วิตัส (Church of St. Vitus) ก่อตั้งขึ้นในราวปี ค.ศ. 1317 โบสถ์ดั้งเดิมนั้นมีขนาดเล็ก Petr I von Rosenberg จึงตัดสินใจสร้างอาคารที่มีขนาดใหญ่ขึ้น การก่อสร้างอาคารใหม่จึงเริ่มขึ้นในปีค.ศ. 1340 ภายใต้คำสั่งของ Linhart of Aldenberg ผู้สร้างชาวเยอรมัน ต่อมาเจ้าของอาคาร Stanek แห่งเชสกี้ ครุมลอฟได้ทำการต่อเติมโบสถ์ ในช่วงภายใต้การปกครองของ Jindrich III von Rosenberg ได้สร้างโบสถ์เซนต์วิตัสใหม่ให้มีความสูงส่งมากยิ่งขึ้น
โบสถ์เซนต์วิตัสมีลักษณะเป็นห้องโถง ความยาวของโบสถ์ฝั่งตะวันออกถึงฝั่งตะวันตกยาว 44 เมตร กว้างประมาณ 20 เมตร และสูง 20 เมตร ในศตวรรษที่ 19 หอคอยรูปหัวหอมก็ถูกแทนที่ด้วยหอคอย pseudogothic เป็นหอคอยสไตล์โกธิคแปดด้าน
ภายในมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ทั้งจิตรกรรมฝาผนังรูปเซนต์แคทเธอรีน แท่นบูชาแบบนีโอโกธิก ใกล้ห้องโถงหลักของคริสตจักรมีอุโมงค์ฝังศพในรูปแบบ "ปาเลอร์เรีย" เป็นหลุมฝังศพที่ทำจากหินอ่อนสีแดงซึ่งมีต้นกำเนิดสุสานของ Wilhelm von Rosenberg ให้ได้ชมอีกด้วย
St. Jost Church
St. Jost Church ก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 14 โดย Peter von Rosenberg โบสถ์แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโรเซนเบิร์ก ในช่วงปลายศตวรรษที่ 16 โบสถ์ถูกสร้างขึ้นใหม่ในสไตล์เรอเนซองส์โดย Peter Wok von Rosenberg ตามสถาปนิก Domenico Benedetto Cometta แห่ง Eckthurn ส่วนในปัจจุบันโบสถ์เก่าแก่ของ St. Jost ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์หุ่นกระบอก ร้านค้า และร้านอาหารค่ะ
จัตุรัสเมืองเก่า Namesti Svornosti หรือ Old town Square
จัตุรัสเมืองเก่า Namesti Svornosti หรือ Old town Square เป็นจัตุรัสกลางเมืองที่เหล่านักท่องเที่ยวจะต้องแวะไปเดินชิคๆ เพราะอาคารบ้านเรือนที่นี่เป็นบ้านเรือนสไตล์ยุคเรเนสซองส์ แต่ละอาคารมีสีสันสดใสคล้ายลูกกวาด แถมทางเดินยังถูกปูด้วยหิน ตรงกลางจัตุรัสมีน้ำพุชื่อว่า Marian Column มีพระแม่มาเรียอยู่ด้านบน และบักบุญอีก 6 องค์อยู่ด้านล่าง ซึ่งมีความเชื่อว่าจะช่วยคุ้มครองผู้คนในเมืองจากกาฬโรคที่ระบาดหนักในช่วงศตวรรษที่ 17
นอกจากนี้บริเวณจัตุรัส มีร้านอาหาร ร้านขนมให้เลือกชิม เลือกทานกันได้ตามอัธยาศัย แถมยังสามารถหาซื้อของฝาก ทั้งขนม หรือของที่ระลึกต่างๆ เช่น หุ่นเชิด หุ่นกระบอกต่างๆ ได้อีกด้วย
สวนปราสาทเชสกี ครุมลอฟ Kralovska Zahrada หรือ The Castle Garden
สวนปราสาทเชสกีครุมลอฟ Kralovska Zahrada หรือ The Castle Garden สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1745 เป็นสวนที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของปราสาท มีพื้นที่มากกว่า 11 เฮกเตอร์ มีถนนเข้าสองทางที่นำมาจากประตูเมือง ภายในสวนถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สไตล์โรโคโค และยังมีต้นโอ๊ก และต้นบีชขนาดใหญ่หลายต้นคอยให้ร่มเงาด้วย
สวนแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม Royal Garden เพราะด้านบนเป็นเส้นทางที่ขุนนางสามารถเดินผ่านไปยังสวนของปราสาทจากปราสาทโดยตรงได้อีกด้วย
Cloak Bridge
สะพาน Cloak Bridge เป็นสะพานที่ถูกสร้างขึ้นในหลายๆ ช่วงตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 17 จนถึงกลางศตวรรษที่ 18 แทนที่สะพานไม้เดิม สะพานนี้นำไปสู่ส่วนบนปราสาท ตรงบริเวณสะพานแห่งนี้ ถือเป็นจุดชมวิวตรงคุ้งน้ำวัลตาวาที่สวยงามอีกจุดหนึ่งที่ต้องห้ามพลาดนะคะ
พิพิธภัณฑ์ Fotoatelier Seidel
พิพิธภัณฑ์ Fotoatelier Seidel เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นของการถ่ายภาพประวัติศาสตร์ที่สำคัญของผู้บุกเบิกงานฝีมือ รวมถึงภาพถ่ายของพื้นที่ชายแดนโบฮีเมียน - เยอรมัน - ออสเตรียตอนครึ่งศตวรรษที่ 20 ภายในมีนิทรรศการสตูดิโอของ Josef และ Frantisek Seidels มีภาพย้อนยุคเก่าๆที่ไม่เหมือนใคร กว่า 120,000 รูปในคลังข้อมูลดิจิทัลของพิพิธภัณฑ์ มีโปสการ์ด และกล้องโบราณที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดีไว้ให้ผู้ที่สนใจได้เข้าชม
นอกจากนี้ที่นี่ยังรับภาพถ่ายแนววินเทจที่ไม่เหมือนใครสำหรับอัลบั้มครอบครัว เพื่อนๆที่อยากมีภาพถ่ายแบบย้อนยุคเป็นครอบครัว แนะนำต้องห้ามพลาดที่จะมาที่นี่นะคะ แต่แนะนำว่าต้องจองคิวล่วงหน้ามานะคะ ^_^
ลืมบอกไป บ้านนี้มีอัญมณีทางสถาปัตยกรรม เช่น ห้องรับแขก ห้องนอนส่วนตัว และห้องนั่งเล่นขนาดเล็กของผู้อยู่อาศัยคนสุดท้ายของบ้าน คือ คู่สมรสของมารี และFrantišek Seidel ที่เป็นของแท้ดั้งเดิม และได้รับการบูรณะอย่างดีให้ได้ชมด้วยนะคะ
เชสกี้ ครุมลอฟถือเป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าเที่ยวที่สุดในสาธารณรัฐเช็ก เป็นเมืองที่หากมีโอกาสได้แวะมาเที่ยวแล้วจะต้องตกหลุมรักอย่างแน่นอนเลยค่ะ